อย่าคิดว่าการขับรถแข่งในสนามแข่งนั้นจะเหมือนกับการขับรถเร็วบนถนน
ยางถนนนั้นยังไงซะก้อคือยางถนน ต่อให้เป็นยาง hi-performance ก้อยังเป็นแค่ยางถนนที่ออกแบบมาเพื่อใช้บนถนน มันจึงต้องมี compromise มากมาย เช่น ต้องเกาะถนน ต้องเงียบ ต้องรีดน้ำได้ ต้องสึกช้า ต้องทน ต้องอึด สาระพัด ทุกเส้นทุกยี่ห้อมันเลย"เอาดี"ในด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ ถึงแม้ว่าไครงสร้าง"ที่ว่านั้นมันจะออกแบบมาต่างกันยังไงก้อตาม แต่มันเป็นการ add-up ซึ่งยังต้องโดน compromise อยู่ดี
ส่วนยางแข่งนั้น ออกแบบมาเพื่อกรณีเดียวคือ ใช้ในการแข่งขัน จุดประสงค์หลักคือ maximize performance ให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่อง ความสบาย ความเงียบ สึกช้า รีดน้ำ และอื่นๆนั้น ไม่ใช่สาระ ยางที่ใช้แข่งนั้นจึงมีน้ำหนักเบา เนื้อยางน้อยเพื่อไม่ให้อมความร้อน เนื้อยางนิ่มเพื่อให้ได้ grip กับถนนมากที่สุด แก้มยางแข็งปะลัยจักรเพื่อรักษาสภาพตัวเองขณะรับ side load
การขับรถก้อเหมือนกัน การขับบนถนนนั้น จริงอยู่อาจจะขับกันเร็วบ้าง แต่ก้อเฉพาะทางตรง ส่วนในทางโค้งนั้น 95% ของคนที่ขับรถบนถนนนั้นใช้ความเร็วต่ำถึงต่ำมากจนเรียกได้ว่า"ย่อง" ถ้าเถียงว่า"ไม่จริงอ่ะ เลี้ยวเร็วๆก้อมี อย่าตอน"หลบ"หรือ"เปลี่ยนเลน"ไง" แต่ถามหน่อยว่า ทำอยู่ทุกๆ 2 นาทีหรือ ก้อไม่ใช่ ส่วนใหญ่ทั้งชีวิตในการขับรถทำอยู่ไม่ถึง 10 ครั้ง
ส่วนการขับในสนามแข่งนั้น ทุกอย่างขึ้นถึง maximum ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเร่ง จะเบรค จะเลี้ยว และทุกอย่างเป็นการกระทำแบบต่อเนื่อง ไม่มีการหยุดพักหรือหยุดจอดติดไฟแดง
เพราะฉะนั้น ยางนั้นรับ load มหาศาล โดยเฉพาะเมื่อเอายางถนนมาใช้ในสนามแข่ง พฤติกรรมการขับนั้นมันต่างกันราวกับฟ้ากะเหว ยางที่ตัวเองคิดว่า"เจ๋ง"แล้วเมื่ออยู่บนถนน อาจจะ"กิ๊กก๊อก"ไปได้ทันที
นี่ไม่ได้บอกให้ต้องใช้ยางแข่งหรือลงทุนหายางที่ดีที่สุดมาใช้ให้เปลืองเงินนะ แต่แนะนำว่าถ้าจะเอายางถนนมาใช้ในสนาม (ผมไม่ค่อยสนหรอกว่าใครจะใช้ยางอะไร ถ้าหาซื้อได้ทั่วไปมันก้อ"เลว"พอๆกันนั่นแหละ ซื้ออะไรได้ก้อใส่ไปเหอะ) เราต้องรู้จักวิธีการ"ดึง"เอาความสามารถที่มีของยางชุดนั้นๆมาใช้ให้ถึงที่สุด เพราะมันไม่ได้เกิดมา"เจ๋ง" แต่เราสามารถทำให้มัน"เจ๋งที่สุดเท่าที่มันจะเป็นได้"ได้
นอกจากนั้น ยางเป็นส่วนเดียวที่รถสัมผัสโดยตรงกับถนน ถ้าคุณไม่สามารถทำให้ยางอยู่ในสถานะที่มีสมรรถนะสูงสุดได้ ส่วนประกอบอื่นๆที่คุณเสียตังค์หลายแสนใส่เข้าไปในรถ แล้ว"หวัง"หรือ"ฝัน"ว่ามันจะทำให้รถดีขึ้นได้ มันก้อเสียเปล่า case นี้มีบ่อยในสนามแข่ง ระดับที่เขาเรียกตัวเองว่า"เซียน"เนี่ยแหละ ไล่ปรับช่วงล่างกันแทบเป็นแทบตายรถขับไม่ได้เรื่องซักที ปรากฏว่าลมยางไม่พอ เนื่องจาก"เชียน"ด้วยกันแนะนำมาให้ใส่เท่านี้เท่านั้น
แม้แต่ Engineer ของบริษัทยางเองยังไม่เข้าใจเรื่องยางเลย เจอมาแล้วกับตัวเอง อย่าให้เอ่ยชื่อบริษัทเลย เพราะยางเขาเป็นที่นิยมในตลาด แต่พอจะเข้าใจ เพราะเขาเป็น Engineer ในการ"ทำยาง" ไม่ได้เป็น Engineer ในการ"ใช้ยาง" โดยเฉพาะการใช้ในลักษณะแข่งขัน (แต่ที่คุยด้วยนี้ก้อ Engineer ในแผนก Motorsport นะเนี่ย) ผมถึงได้บอกไงว่า "มีคนเข้าใจในเรื่องยางน้อยมาก" ผมไม่ได้บอกว่าคนไทยมีความรู้น้อยนะ เพราะบ้านเรานั้นมี"ด๊อกเตอร์"(ไร้สาระ)และ"ผู้เชี่ยวชาญ"(ไร้สมอง)เยอะมาก เด็กจบปริญญาโทก้อเพียบทั้งจากในและนอกประเทศ(แต่ส่วนใหญ่จะชอบเรียน"วิชามาร") ผมบอกว่า"มีความเข้าใจ"น้อยมากกก "ความรู้"นั้นได้มาจากศึกษา "ความเข้าใจ"นั้นมันอยู่ที่ความสามารถของตัวเอง บางคนรู้น้อยแต่สามารถที่จะเข้าใจได้ บางคนรู้มากแต่ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรซักอย่าง ทำนองนั้น ;D
