ทำอย่างไรจึงจะใช้แก๊สโซฮอล์ E85 ได้?
น้ำมันแพงและน้อยลงทุกวัน แก๊สต่างๆ ถูกนำมาใช้ในรถยนต์มากขึ้น หลายท่านเริ่มสนใจแก๊สโซฮอล์ E85 ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับสังคมไทย ซึ่งวันนี้เราสามารถนำแก๊สนี้มาใช้ในรถได้แล้ว
ผู้เขียน: ผศ. ดร. จำนง สรพิพัฒน์ ชมแล้ว: 33,154 ครั้ง
post ครั้งแรก: Fri 4 July 2008, 4:05 pm ปรับปรุงล่าสุด: Mon 7 July 2008, 2:38 pm
อยู่ในส่วน: เทคโนโลยี, vEnergy
หน้าที่ 1 - รถยนต์ FFV
ผศ. ดร. จำนง สรพิพัฒน์
ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
-------------------------------------------------------------------------------
เมื่อไม่กี่วันมานี้รัฐบาลได้มีมติอย่างชัดเจนว่าจะส่งเสริมให้มีการใช้เอธานอลสูงขึ้นจากเดิม โดยการเติมเอธานอลลงในน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 85% หรือที่เรียกว่าแก๊สโซฮอล E85 คำถามแรกที่ประชาชนอาจสงสัยคือ รถรุ่นไหนชนิดใดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในประเทศไทยสามารถใช้กับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล E85ได้ คำตอบคือไม่มีรถรุ่นไหนเลย สาเหตุเพราะ การใช้เอธานอลหรือแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นระดับนี้นั้น ชิ้นส่วนต่างๆของระบบเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่มีการสัมผัสกับเชื้อเพลิงโดยตรง ตั้งแต่ถังเชื้อเพลิงไปจนถึงท่อไอเสียล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทนการกัดกร่อนของเอธานอลได้ทั้งสิ้น นอกจากจะมีการผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ด้วยวัสดุพิเศษที่สามารถทนทานต่อการกัดกร่อนของเชื้อเพลิงชนิดนี้ได้ ฉะนั้น เมื่อมีการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล E85 ก็จำเป็นต้องมีการออกแบบและผลิตรถยนต์ชนิดพิเศษที่สามารถใช้กับเชื้อเพลิงชนิดนี้ได้ด้วย รถชนิดนี้เรียกว่ารถFlex Fuel Vehicle หรือเรียกกันสั้นๆว่ารถ FFV
รถยนต์ FFV คือ รถที่สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 (เอทานอล 85% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 15%) หรือ M85 (เมทานอล 85% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 15%) และยังสามารถใช้ได้กับน้ำมันเบนซินบริสุทธิ์ได้อีกด้วยจึงเรียกว่า Flexible Fuel Vehicle ปัจจุบันมีรถยนต์ระบบ FFVกว่า 22 รุ่น จำนวนมากกว่า 4 ล้านคันทั่วสหรัฐอเมริกา และกว่า 3 ล้านคันในบราซิล
หลักการทำงานของรถยนต์FFV เป็นดังนี้ รถยนต์จะมีระบบเชื้อเพลิงสองระบบ พูดง่ายๆคือมีถังเชื้อเพลิงสองถัง ถังแรกเป็นถังบรรจุเชื้อเพลิงเอธานอลบริสุทธิ์ ส่วนอีกถังหนึ่งบรรจุน้ำมันเบนซินล้วนๆ ถังเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดจะมีท่อส่งเชื้อเพลิงแยกจากกัน เชื้อเพลิงทั้งสองชนิดจะนำมาผสมกันก่อนที่จะส่งเข้าหัวฉีด ซึ่งจะผสมกับอากาศเป็นไอดีก่อนจุดระเบิดเหมือนเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป สัดส่วนของเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดที่ผสมกัน จะถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ใช้สามารถจะกำหนดให้เป็นสัดส่วนเท่าใดก็ได้ตามความประสงค์ ตั้งแต่เอธานอล 0% นั่นคือใช้น้ำมันเบนซินล้วนๆ ไปจนกระทั่งใช้เอธานอล 85% ซึ่งเป็นอัตราผสมสูงสุดของเอธานอลที่สามารถตั้งค่าได้ การที่รถยนต์FFV สามารถปรับเปลี่ยนอัตราผสมได้ทำให้เครื่องยนต์ของรถยนต์ประเภทนี้มีความคล่องตัวอยู่ เนื่องจากผู้ใช้รถยนต์สามารถจะเลือกใช้เชื้อเพลิงชนิดไหนมากน้อยเท่าใดก็ได้ตามใจชอบขึ้นกับว่าราคาของเชื้อเพลิงชนิดไหน ช่วงไหนหรือถูกแพงกว่ากัน โดยภาพรวมรถยนต์ FFV มีข้อดีดังต่อไปนี้
1 . สามารถลดการใช้น้ำมันปิโตรเลียมในภาพรวมลงได้ โดยการหันมาใช้เอธานอล หรือเมธานอลแทน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่ง
2 . หากต้องการดัดแปลงเครื่องยนต์ธรรมดาให้เป็นเครื่องยนต์ FFV ต้องลงทุนเพิ่มแต่ไม่สูงมากจนเกินไป
3 . มลพิษที่เกิดขึ้นมีค่าต่ำมาก
4 . มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานโดยรวมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเบนซินล้วนๆ
5 . มีความยืดหยุ่นในการใช้เชื้อเพลิงสูง คือยังสามารถใช้กับน้ำมันเบนซินได้ โดยติดตั้งอุปกรณ์ ซึงมีราคาไม่แพงจนเกินไป
6 . เชื้อเพลิงน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซินหลายบาท
แม้ว่าการส่งเสริมเชื้อเพลิงแกสโซฮอล์ E85 และรถยนต์ FFV จะมีข้อดีหลายประการ แต่การส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิง E85 ให้ประสบผลสำเร็จ ยังมีอุปสรรคหลายประการที่ภาครัฐจะต้องคำนึงถึงและแก้ไขเพื่อเอาชนะได้แก่
ประการแรก รัฐบาลต้องมั่นใจว่าหากมีการใช้เชื่อเพลิงเอธานอลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับในระยะยาว จะต้องแน่ใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตเอธานอลจากอ้อยและสำปะหลังได้อย่างเพียงพอ โดยไม่กระทบต่อการแย่งชิงวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตเป็นอาหาร จากประสบการณ์ในอดีตของประเทศบราซิล รัฐบาลบราซิลเคยประสบปัญหาถึงขนาดไม่มีเอธานอลพอจำหน่ายเมื่อราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงมาก ในทางกลับกันราคาเอธานอลกลับเหลือมากมายเกินกว่าผู้ผลิตจะรับซื้อเก็บไว้ได้ เมื่อน้ำมันเบนซินในตลาดโลกมีราคาถูกกว่าราคาเอธานอลเป็นอย่างมาก
ประการทีสอง รัฐบาลจะต้องมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการตั้งสถานีจำหน่ายเอธานอลบริสุทธิ์อย่างเพียงพอสำหรับรถ FFV เพราะหากมีการนำเข้ารถFFV แต่ไม่มีปั้มเติมเอธานอลในระยะยาวคงไม่มีผู้บริโภคคนไหนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อรถยนต์ชนิดนี้แน่ เพราะต้องจ่ายเงินซื้อรถที่ราคาสูงขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่มีเอธานอลให้เติมทำให้ต้องไปเติมน้ำมันเบนซินเหมือนเดิมตลอดเวลา ซึ่งเป็นการลงทุนโดยไร้ประโยชน์
ประการสุดท้าย รัฐบาลจะต้องมีการร่วมมือกับบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์FFV เพื่อให้แน่ใจว่ามีช่างเทคนิคบริการที่มีความชำนาญเพียงพอในการให้การดูแลบำรุงรักษา และแก้ไขปัญหารถยนต์FFVได้ เมื่อเครื่องยนต์มีปัญหา
หมายเหตุ
บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน บทความนี้ เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยว
*หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (
www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา
Source -
http://www.vcharkarn.com/varticle/37588