Author Topic: ถามเรื่องการ cool down เครื่องยนต์ครับ  (Read 5308 times)

Offline ชัย08

  • Full Member All Thailand Championship Racer
  • ***
  • Posts: 112
  • ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน เพราะวันนี้คือวันพรุ่งนี
สวัสดีครับพี่  :)
  คือตอนนี้ผมวิ่งของแทนน้องชาย จากกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 170 km ได้ วิ่งโดยใช้ ทางด่วนกับ motor way วิ่งที่ความเร็ว 100- 120  ตลอดไปกลับ เลยอยากถามว่า

1.ถ้าผมวิ่งอย่างงี้ตลอดจนถึงบ้าน จำเป็นไหมต้อง cool down เครื่องยนต์ (ไปขึ้นของ จอดประมาณ 10-15 นาที)

2. ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่านะครับ "ความเร็วคงที่ อัตราเร่งเป็นศูนย์" มันจะประหยัดน้ำมันขึ้นนะครับ

3. เมื่อ 2 วันก่อนฝนตกบน motor  way  ผมสังเกตว่า มันจะมีลมหมุนออกจากท้ายรถยนต์อ่ะครับ มันหมุนเข้าหากัน ไม่ทราบว่า อันนั้นที่เห็นเค้าเรียกว่า แรงฉุดของรถใช่หรือเปล่าครับ (พอดีเห็น "อิม" ผ่านไป มีลมหมุนที่ท้ายน้อยครับ ไม่ทราบว่า เกี่ยวกับการมี สปอย์เลอร์ กับ diffuser ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า)

4. ผมดูพวกแข่ง แนสคาร์ เค้าขับตามกันเพื่อให้ข้างหน้าบังลมใช่หรือเปล่าครับ (ห่างกันประมาณ 1 คันรถ) ผมสังเกตว่า เวลาผมวิ่งตามพวกรถตู้หรือรถกระบะหลังคาสูง (ห่างประมาณ 2 คันรถ) ไม่ทราบว่าเค้าจะบังลมให้ผมหรือเปล่าครับ ขับที่ความเร็วเท่ากันไปเรื่อยๆ (ถ้าเค้าหลบซ้าย ผมก็จะไปหาเอาคันข้างหน้าต่อครับ ไม่ให้เค้ารู้สึกเครียดครับ)

ขอถามเท่านี้แหละครับ

ปล. พวกรถ F1 เค้ากดกันทีเนี่ยเกือบถึง 2 หมื่น รอบเลยหรือครับ.

ขอบคุณนะครับสำหรับทุกคำตอบ

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
วิ่งแช่ยาว นานถึง 170 กม แบบนี้ต้อง Cool Down แน่นอนครับ หากจะไม่ต้องการคูล ก็ต้องทำดังนี้
- ก่อนถึงที่หมายสัก 5 กม ก็ยกคันเร่งหน่อย ผ่อนลงให้เหลือสัก 80 หรือยิ่งต่ำก็ยิ่งดี หากมี Exhaust Temp Meter ก็ดูว่าเข็มชี้ที่เท่าไหร่ หากต่ำกว่า 450 องศา C ก็ดับเครื่องได้ หรือถ้ายิ่งต่ำกว่า 400 ได้ยิ่งดี

เรื่องอัตราเร่งเป็นศูนย์นี้ผมไม่เข้าใจครับ - รอเซียน อิอิ

ลมหมุนวน Vertex ครับ หากมีลมหมุนวนมาก ก็คือวัสดุนั้นมันไม่ลู่ลม หรืออาจดูทรงลู่ลมก็จริง แต่ก็ยังมีลมหมุนท้ายรถได้เนื่องจากสปอยเลอร์ แต่หากรถคันใดมีลมหมุนน้อยก็คือลู่ลม ไม่ก็ขับช้าครับ

การขับจี้ท้ายกันแบบ Nascar เรียกว่า Drafting ไทยเรียกดูดตูด เราตามหลังเขาก็เพื่อลดแรงต้านจากลมปะทะด้านหน้า ไม่ใช่แค่เราได้เปรียบนะ คนนำก็ได้ตรงที่ลมหมุนวนท้ายรถเขาเกิดน้อยลง (ก็มาหมุนวนที่รถเราแทนไง) รถทั้งคู่ก็จะวิ่งเร็วกว่ารถคันที่ขับเดี่ยวครับ ด้วยเหตุนี้เองที่รถ Nascar มันถึงขับเป็นแบบงูกินหางกัน จะแซงทีก็ต้องเล็งกันเป็นรอบเลย ดูจังหวะที่คนนำชล่าใจ เผลอ ฯลฯ ชนทีก็อย่างที่เห็นครับ กวาดกันเกือบหมดสนามเลย

รถ F1 รอบสูงมากๆ ครับ ทำได้เกือบ 2 หมื่น แต่ที่เห็นกันบ่อยๆ แช่ที่สุดทางตรงก็ราว 18000 RPM ครับ


i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline zpeed

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 663
  • Gasoline is in my blood
1. listen to O'Pern
2. Half true if you drive 70-80 yes, but 100-120 maybe MAYBE not much difference.
3......
4. Block wind = less drag so the car behind can go the same speed as the front car with less power (less gasoline) from the engine to push the car.  There is also an air (wind?) push from the back of the car to make both of them go faster than just one car.  Most Nascar is like Basketball just watch last 5 minutes that is when the winner gonna make a move.  Remember all that gas that save up from following the other guy?  Also a sling shot effect.  If you don't know the sling shot go rent DVD Day of Thunder with Tom Cruise.  The scene after sex that he try to explain it to the doctor.

PS. old F-1 V10 engine only did 16,000-17,000, with new V-8 engine it run 18,000-19,000.  I think BMW engine is the one that has the highest rev.
Good Driver can make slow car go fast but Fast car won't make slow driver fast.

Offline Mokan

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 771
  • Winning isn't everything, it's the ONLY thing!!!
1. วิ่งทางไกลยาวๆแช่กันมานานๆ ถ้าจะดับเครื่องกันทันทีทันใดนั้น มันทรมานเครื่องยนต์พอสมควรเพราะระบบระบายความร้อนนั้นจะหยุดทำงาน ทำให้เกิดอาการ"อมความร้อน" ถ้ามีเกจ์วัดความร้อนจะสังเกตุเห็นว่าความร้อนจะวิ่งขึ้นหลังจากที่เราดับเครื่องยนต์ไปแล้ว รถบางยี่ห้อเลยปล่อยให้พัดลมหม้อน้ำทำงานต่ออีกซักครู่ อย่างน้อยๆก้อช่วยระบายความร้อนน้ำในหม้อน้ำลงบ้าง แต่ถ้าวิ่งทางไกลมายาวๆแล้วกว่าจะถึงบ้านต้องวิ่งอืดๆในเมืองต่ออีก 20 นาที นั่นก้อถือว่า cool down ลงมาบ้างแล้วละครับ

2. ถ้าสามารถรักษาระดับรอบเครื่องยนต์ให้คงที่ในระหว่างการขับทางไกลได้ มันจะช่วยประหยัดการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงได้ส่วนหนึ่ง เพราะถ้าเราต้องเบรคเพื่อลดความเร็วแล้วเร่งขึ้นมาใหม่บ่อยๆ เราจะใช้น้ำมันมากขึ้นตอนเร่งเครื่องนี่แหละ เพราะเวลาที่เราเร่งเครื่องเร็วๆ ระบบหัวฉีดจะจ่ายน้ำมันมากกว่าปกติ เหมือนระบบปั๊มป์เร่งในคาร์บูเรเตอร์นั่นแล แต่ถ้าค่อยๆเร่งช้าๆจนปัมป์เร่งไม่ทำงานก้อได้ แต่เล่นยาก เพราะถนนมันไม่ได้ว่างขนาดนั้น เมื่อก่อนเคยอยู่ในทีมแข่งรถประหยัดน้ำมัน วิ่งกรุงเทพฯพัทยา ใช้วิชาโกงเล็กน้อย คือรถที่แข่งนั้นมีคันเดียว แต่มีรถนำและตามทั้งหมดอีก 4 คัน 2 คันหน้า 2 คันหลัง 3 คันกลางจะวิ่งติดกันเพื่อ"บังลม" คันหน้าสุดวิ่งนำห่างเพื่อเคลียร์ทาง จะได้ไม่ต้องลดความเร็วกันบ่อยๆ คันหลังสุดคอยกันท้ายไม่ให้ใครมาต่อหรือมาไล่ ผลน่ะเหรอ....อิอิ ไม่บอกดีก่า ;D

3. ที่เห็นลมหมุนๆนั้น มันคือ Vortex turbulance ที่เกิดขึ้นด้านท้ายรถ ถ้าเป็นรถตู้หรือรถบรรทุกที่มีลักษณะเป็นกล่องนั้น ลมจะม้วนตัวจากด้านบนและด้านข้างทำให้เกิด Turbulance ขึ้น ซึ่งในลักษณะนั้นจะทำให้เกิด Drag หรือแรงฉุดเกิดขึ้นกับตัวรถ สปอยเล่อร์ กับ Difffuser นั้นพยายามทำให้ Turbulance ตรงนั้ลดลง ใน F1 นั้นมีเหมือนกันที่จงใจทำให้เกิด Vortex turbulance เพื่อที่คันข้างหลังจะได้เสีย Down force แต่ต้องเลือกให้ดีว่าไม่ทำให้เกิด drag มากเกินไป ก้อเรื่องความพยายามโกงอีกนั่นแหละ ฮ่าๆๆ

4. NASCAR นั้นไม่ตามห่างกันหนึ่งคันรถละครับ พี่แกจ่อกัน Bumper to bumper เลย เรียกว่า Bump Draft เพื่อให้คันข้างหน้า"บังลม"ให้ จะได้ไม่ต้องเอาหน้ารถตัวเองดันลม อีกอย่างคือทำให้ลมที่ลงจากหลังคาคันหน้านั้นไม่ยอมตกลงมาที่สปอยเล่อร์หลังของคันหน้า ทำให้คันหน้านั้นเสีย downforce ที่ท้ายรถ พอถึงโค้ง คันหน้าจะเกิดอาการที่เรียกว่า Aero loose คืดไม่มี downforce กดท้ายรถจนรถนั้น oversteer แล้วไหลขึ้นแบงค์ไป คันหลังก้อดำลงล่างแซงไปโลด แต่คันหลังก้อต้องระวังเหมือนกัน เพราะตามจ่อนานๆเข้าเครื่องจะร้อน เพราะไม่มีลมเป่าหม้อน้ำและ oil cooler หรือถ้ารถตัวเองนั้น push หรือ understeer อยู่แล้วก้อจะซวยหนักเพราะถึงโค้งแล้วเลี้ยวไม่เข้า push ขึ้นแบงค์ตามกันไป คันที่สามตามมากลายเป็น"ตาอยู่"แซงแม่งคู่เข้าเส้น ซวยไป  ;D

ส่วน เครื่อง F1 ตอนนี้นั้นมีหลายเครื่องที่วิ่งได้ 20,000 รอบแล้ว ปีหน้าเปลี่ยนเป็นเครื่อง V8 2.4litre คงถึง 20,000 รอบสบายๆ  ;D
In racing, you either lead or follow or GETTA HELL OUT OF THE WAY!!!!

Offline GoogGoo

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 45
1. ถ้าขับช้าๆเอื่อยๆไปก่อนจะดับเครื่องก็น่าจะโอเค และถ้าเปิดฝากระโปรงได้ก็จะยิ่งดี จะได้ไม่มี Heat Soak แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น สถานที่ปลอดภัยหรือไม่ ลมฟ้าอากาศดีหรือไม่ดี

2. ไม่จริง เพราะถ้าอย่างนั้นที่ความเร็วสูงสุด ความเร่งก็เป็นศูนย์ก็ต้องประหยัดน้ำมัน แต่ความเป็นจริงกินน้ำมันน่าดู บอกไม่ได้ว่าตอนไหนจะประหยัดที่สุดจนกว่าจะเอาเครื่องยนต์ขึ้น Dynamometer แล้ววัด Torque, RPM และ Specific Fuel Consumption (SFC) ออกมา Plot เป็น Performance Map แล้วขับให้ Operate ให้เครื่องยนต์อยู่ตรงเกาะกลางของ Map นั้น ซึ่งเอาเข้าจริงๆอาจจะไม่ได้เพราะเลือกอัตราทดรวม (เกียร์ เฟืองท้าย ยาง) ไม่ลงตัวในกรณีเป็นรถที่เปลี่ยนเครื่องมา หรือ อาจจะเป็นรถบ้านที่ทำมากจากโรงงานลงตัว (ในอากาศนิ่ง) แต่มาวิ่งทวนลม(แรงๆ) ดูตัวอย่างของ Performance Map หน่อยแล้วกัน



ถ้าจะให้ประหยัดที่สุดในความเร็วที่ต้องการ ต้องเลือกอัตราทดรวมให้ได้ความเร็วที่ต้องการโดยที่ Torque และ RPM มาตรงกับที่เป็นสีฟ้า (Cyan)

3. อันนี้ผมพอจะรู้คร่าวๆ ไม่ Qualified พอที่จะตอบได้กระจ่าง ขอไม่ตอบแล้วกัน

4. ความต้านทานเวลารถวิ่งส่วนใหญ่แล้วก็มาจาก Aerodymics นี่แหล่ะ ถ้าสามารถหาทางลดได้ก็จะช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันได้มาก ลองหาดู VDO พวกที่ขี่จักรยานทำลายสถิติความเร็วดู จะเห็นว่ามีรถวิ่งบังด้วย ความเร็วของจักรยานเห็นแล้วจะตกใจ เพราะถ้าไม่มีรถบังลมจะไม่มีทางไปได้เร็วขนาดนั้น ส่วนเรื่องคิดจะทำบ้างนั้นขอแนะนำว่าอย่าดีกว่า เกิดคันหน้าเบรคขึ้นมาจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามจะชนเอาง่ายๆ ประหยัดน้ำมันนิดหน่อย แต่ต้องเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียเงินค่าซ่อม เสียอีกสารพัด...อาจจะสร้างความลำคาญให้แก่รถคันหน้าทะเลาะกันเปล่าเพราะคันหน้าก็กลัวจะโดนจิ้มท้าย

F1 เท่าที่เห็นๆ ไม่มีคันไหนวิ่งถึง 20000 RPM ซักคัน ปีนี้เห็นอย่างมากก็เกือบ 19000 RPM ส่วน Cosworth เองนั้นเห็นโชว์ว่าหมุนสองหมื่นกว่ารอบก็แค่บน Dyno ของจริงยังไม่เห็นใช้มากขนาดนั้น
"Speed has nothing to do with me." - Rick Mears

Offline BUGGY

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 16
  • I'm a llama!
เกิน2หมื่นรอบแล้วจ้า
ในรอบคัดเลือก
แต่ทีมนั้นมันปิดข่าวกันให้แซดเลย