ช่วงล่าง GAB คืออะไรครับ

[O'Pern]

เล่นด้วยๆ

ผมเจอเด็ดสุดคือ

ฮอนด้า ท้ายอาร์

เจอมุขนี้เข้าไปล่ะ วงแตกกันเลย

[ri]

ผมอยากรู้ว่าช็อคหลังผมปรับระดับเองได้ป่าวครับ

อย่างที่บอกครับ คงจะเป็นของ G/A/B สีฟ้า ผมดูแล้วมีอะไรกลม ๆ ที่กระบอกช็อค
แล้วมีตัวเลขอยู่ที่กลม ๆ เป็นเลข 1 2 3 4 5 ถึงเท่าไรจำไม่ได้ครับ มันคืออะไรครับ ใช่ที่ปรับรึเปล่า หรือว่าถ้าจะปรับต้องเปลี่ยนสปริงอย่างเดียวครับ...ผมอยากเตี้ยลงครับ ???

[O'Pern]

นั่นแหละครับ คือปุ่มปรับค่าความนุ่มแข็งของช้อคฯ ตัวเลขมากก็ยิ่งละเอียดมาก และก็ยิ่งวุ่นวายมากเช่นกัน สำหรับรถใช้งานแล้วแค่ 4 ระดับก็เพียงพอแล้ว

ลองหมุนปรับดูได้ครับว่าคุณชอบแบบใด

แต่หมุนไปมันก็ได้แค่แข็งอ่อน ระดับรถมันไม่ได้เตี้ยลง หากอยากเตี้ยก็ต้องเปลี่ยนสปริงให้สั้นลงครับ

[Mokan]

โช้คอัพ นั้นที่จริงแล้วเรียกว่า "ช๊อคอัพ" ซึ่งมาจากคำว่า Shock Absorber มันทำหน้าที่อะไรยังไงนั้นคงมีคนเขียนในนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า งั้นจะไม่บอกล่ะนะ

ช๊อค ที่ตั้งได้ หรือ Adjustable shock absorber ส่วนใหญ่ที่เราหาๆกันได้จาก เชียงกง หรือ ร้านแต่ง ในบ้านเรานั้น มักจะตั้งได้เฉพาะ rebound หรือความหนืดในช่วง"ยืด" จะตั้งได้กี่ กิ๊ก หรือกี่รอบ นั้นแล้วแต่ยี่ห้อ แต่หลายๆคนใส่เข้าไปแล้วหมุนทั้งไปและกลับ อ่อนสุด แข็งสุด แล้วก้อยัง "ไม่เห็นมันจะเปลี่ยนแม่งอะไรเลย" เพราะส่วนใหญ่นั้นขับกันอยู่บนถนนทั่วๆไป ถ้าอยากรู้สึกจริงๆว่า กิ๊กนึง หรือ รอบนึง นั้นมันทำให้รถดีขึ้นหรือเลวลงอย่างไรนั้น แนะนำให้ไปลองในสนามแข่ง เช่น นครชัยศรี หรือ สนามพีระฯ หรือ สนามหลังซีคอน แล้วจะ"รู้"ว่าตั้งแล้วมันเกิดอะไรขึ้น (เอาน่า...เสียตังค์เช่าสนามแค่ 1000 เดียวเอง)

ช็อค นั้นจะมีผลในช่วง Turn-in หรือในช่วงที่เรา"สั่ง"ให้รถนั้นเลี้ยว และช่วงที่ Get out of the turn หรือออกจากโค้ง ถ้ารถคุณมีปัญหาตรงนี้ ช็อค จะเป็นจุดที่ควรมีการปรับตั้ง เพราะฉะนั้นถ้าคุณขับรถอยู่บนถนนปกติเหมือนเวลาคุณไปซื้อก๋วยเตี๋ยว Turn-in กับ Get out of the turn นั้นอยู่ในความเร็วที่"เต่าไล่กัดยาง"เท่านั้น มันก้อเลย "ไม่เห็นจะรู้สึกแม่งอะไรเลย" ลองดูนะ

[Joe]

ถามต่อครับ
แล้วกรณีอย่าง ช็อคฯที่ ยุบตัวเร็ว แต่ rebound ช้า กับ ช็อคฯที่ ยุบช้า แต่ rebound เร็ว แบบไหนจะเหมาะกับ "การแข่งขันประเภทไหน" มากกว่ากันครับ

ลักษณะใช้งานมันจะออกมาลักษณะไหน คร่าวๆหนะครับ

อย่างผมเล่นดริฟท์อยู่เนี่ย (เล่นอยู่จริงๆน้ะไม่ใช่ พูดโม้ให้ชาวบ้านฟัง ขออกตัวก่อนนา) ผมรู้สึกว่า ถ้าใช้ช็อคที่ คืนตัวช้าเนี่ย ค่อนข้างจะคอนโทรลรถได้ดีกว่า ช็อคที่คืนตัวเร็วๆเพราะจะรู้สึกว่ามันดีดๆ เกินไป

ถามอีกข้อแล้วกัน เคยเห็นสเปคของรถดริฟท์ญี่ปุ่นเรื่อง K-rate ของสปริง ข้างหลัง ที่จะ น้อยกว่าหน้า หน่อย เพราะด้านหน้าต้องไปชดเชยส่วนที่รับน้ำหนักของเครื่องด้วยถูกมั้ยครับ หรือว่ามีเหตุผลอื่น
แล้วช็อคสตรัท ที่ซื้อมือ 2 ในไทยทั้งหลายเนี่ย เราจะสามารถวัด K-rate ได้มั้ย มีที่ไหนรับวัด มั้ยครับ เพราะเวลาแต่งรถไอ้ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า สเปคที่เอามาใส่รถเราเนี่ย เป็นยังไง ไอ้จะไปซื้อ ของใหม่ เลือกสเปคได้ ก้ ไม่มีตังค์ ขนาดนั้นหนะครับ ทำเองขับเอง ก็เลยได้แค่นี้ ทีนี่ถ้ามี ที่ไหนที่ให้บริการเราตรงนี้ได้ก็คงจะดีขึ้นต่อการปรับแต่งช่วงล่างไม่น้อยทีเดียว

ขอบคุณครับ

[Mokan]

บอกแบบฟันธงไม่ได้ครับว่าแบบไหนเหมาะกับการแข่งแบบไหน เพราะระบบช่วงล่างของรถนั้นมีตำแหน่งในการติตตั้ง Shock ต่างกัน แค่มุมของการวาง Shock เปลี่ยนไป ระดับของ Bump และ Rebound ก้อต่างจากเดิมแล้ว บอกได้อย่างว่า ส่วนใหญ่แล้ว Rebound จะมี Rate มากกว่า Bump เพราะในขณะที่ Bump นั้น สปริงเป็นตัวรองรับน้ำหนัก ในขณะที่ Shock นั้นคอยช่วยชะลอการยุบตัวของรถ แต่ในขณะ Rebound นั้น Shock ต้องรับทั้งแรงดีดกลับของสปริงและโมเมนตั้มของตัวรถ การตั้ง Rate ของ Shock นั้นต้องมาจากการขับและอาการของรถที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้องคนขับต้องอ่านอาการของรถให้ออก ไม่งั้นตั้งไม่ได้

แน่นอนว่า Shock ที่มี Bump และ Rebound มากขึ้น จะได้ความรู้สึกในด้าน Control มากกว่า Shock นิ่ม เพราะมันสามารถควบคุมการดีดตัวของสปริงหรือ Oscillation ได้ดีกว่า (สปริงมันเหมือนลูกบาสน่ะ มันจะชอบเด้งดึ๋งๆๆ นั่นคือ Oscillation) แต่ถ้าลองตั้ง Rebound ให้มากขึ้นดูแล้วจะรู้ว่ามันใช้แต่งอาการของรถได้ เช่นในดริฟท์ ถ้าตั้ง Rebound ข้างหลังให้หนืดขึ้น การสั่งให้รถหัน Oversteer จะง่ายขึ้นจนบางครั้งวูบวาบไปเลย ถ้ารถมีอาการ Understeer ลองลด Rebound ข้างหน้าลง อย่าทำทั้งหน้าและหลังพร้อมกัน ทำเฉพาะด้านที่ต้องการแก้ไข

ค่า K ของสปริงนั้น ผมจะติดค่า lb.in. มากกว่า ค่า K แต่มันทั้งคู่คือค่าความแข็งของสปริงหรือ Spring Rate จะมีเท่าไหร่นั้นมันแล้วแต่ว่าตำแหน่งติดตั้งของสปริงนั้นมันอยู่ตรงไหน มีความได้เปรียบเชิงกลเข้ามาเกี่ยวข้องหรือปล่าว อย่าง Civic นั้นจะมาใช้เหมือนกับ Altis ไม่ได้ เอาง่ายๆ สมมุติว่ารถหนัก 1000 กิโล แล้วสปริงตั้งตรงอยู่บนล้อเป๊ะ สปริงแต่ละข้างจะรับน้ำหนักข้างละ 250 กิโล แต่ในความเป็นจริงเราติดตั้งสปริงตำแหน่งนั้นไม่ได้ สปริงต้องเข้ามาข้างในตัวรถ มันก้อเกิดความได้เปรียบเชิงกลเกิดขึ้น ก้อเลยต้องใช้สปริงที่แข็งขึ้น ทีนี้ Civic กับ Altis มันติดตั้งเหมือนกันไม๊ ก้อไม่ใช่ ค่าความแข็งมันเลยต่างกัน และไม่จำเป็นว่าข้างหน้วต้องมากกว่าข้างหลังเสมอไป ส่วนการหาค่าความแข็งนั้น ถ้ามีเครื่องกดวัดค่าสปริงก้อหาได้ ไม่งั้นต้องใช้สูตรคำนวน ถ้าเอาง่ายๆ เอาสปริงวางบนตาชั่งแล้วเอาขึ้นไปกดบนเครื่องกดไฮดรอลิก เริ่มวัดระยะตั้งแต่ที่สปริงเริ่มแตะแล้วกดลงมาทีละ ซม. จดค่าที่ได้ในแต่ละ ซม. ว่าเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ก้อนั่นแหละ ค่าความแข็งของสปริง

[Joe]

หูยยย
ขอบคุณมากๆเลยครับพี่  :D :D :D

ขอถามต่ออีกนิดแล้วกันครับว่า เรื่องการตั้งค่า rebound นั้น เราต้องยุ่งกับตัว shock ล้วนๆเลยรึเปล่า หรือสามารถ set อย่าอื่นช่วยได้ เช่น นน. (พูดถึงข้างหน้าแล้วกันครับ ในกรณี ลด rebound เพื่อลดอาการ understeer ในกรณีรถ cefiro / 200sx) หรือ เซตที่ สปริงช่วย (หาสปริงที่ K-rate น้อยลงกว่าเดิม ) เพราะส่วนใหญ่ shock ที่ซื้อมาก็ที่รู้ๆกันอยู่มันคือ ของ used เราไม่สามารถไปกำหนด อะไรมันได้ นอกจากไป โมดิฟายด์ที่ตัว shock ซึ่งก็รู้กันอยู่อีกนั่นแหละครับว่า ใน สยามประเทศ หาที่ทำ"ดีๆ" ได้ลำบากเหลือเกิน

[GoogGoo]

ไม่ค่อยจะเข้าใจคำถามเท่าไหร่ แต่ Rebound หมายถึงการยืดตัว ก็ต้องทำจาก Damper ครับ แต่การเปลี่ยนอาการรถสามารถทำได้หลายที่ เช่น Damper, Spring, Suspension Gemoetry, Aerodynamic, Weight Distribution และอื่นๆ ขึ้นกับว่าต้องการปรับแต่งอาการตอนไหน เช่น ตอนเข้า อยู่กลางโค้ง ตอนออก หวังว่าคงเป็นคำตอบที่ตรงกับคำถามบ้าง